วิธีการอ่าน เค้าไพ่บาคาร่า หรือ    วิธีดูลายไพ่บาคาร่า ทำกำไรได้จริง ถือว่าเป็นหัวใจหลักที่สำคัญต่อการ ปั่น บาคาร่า เป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในจุดอ่อนบาคาร่าที่นักเล่นไพ่ต้องรู้ โดยเค้าไพ่ คือสถิติในการออกไพ่ก่อนหน้า ซึ่งชื่อเรียกสำหรับคนไทยก็จะแปลกๆ ไม่เหมือนกับชื่อเค้าไพ่บาคาร่าต่างประเทศ ที่นักพนันต่างชาติเรียกกัน โดยข้อดีของการ แทงบาคาร่า คือท่านจะดูไพ่ของรอบก่อนๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเดิมพันในตาถัดไป โดยฝั่งแบงค์เกอร์ คือ B ส่วนฝั่งเพลย์เยอร์ คือ P ซึ่งเราจะมาแนะนำกันดังนี้คือ ทางเข้า 4x4MEGAPLUS

1. ไพ่มังกร – คือ เค้าไพ่บาคาร่า ที่มีวงกลมสีเดียวกัน ติดกันยาวๆ ที่แสดงบนตารางบันทึกผล ต่างประเทศเรียกว่า Follow the Dragon  เป็นเค้าไพ่ที่สังเกตุง่ายที่สุด เพราะว่ามังกร ก็คือการออกไพ่ในลักษณะที่แบงค์เกอร์ หรือเพลย์เยอร์ชนะติดต่อกัน อย่างน้อย 4-5 ครั้ง การใช้สูตรก็คือแทงตามไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าหน้าไพ่จะเปลี่ยน เช่น P-P-P-P ไม้ถัดไปให้เลือก P
2. ไพ่ปิงปอง – เค้าไพ่ PBPB ใช้เรียกเมื่อเกิดการออกไพ่สลับกัน แพ้ชนะไปมาระหว่าง แบงค์เกอร์ กับเพลย์เยอร์ เหมือนกับการตีปิงปอง ลักษณะการเล่นให้แทงฝ่ายตรงข้าม เช่น P-B-P-B ตาต่อไปให้เลือก P สูตรแทงสลับนี้ ช่วยให้มีโอกาสได้เงินมากขึ้น รู้หรือไม่ว่ามากกว่า 87.5% ของทั้งขอนไพ่ Baccarat แล้วส่วนใหญ่จะออกสลับกันไปมา ระหว่างฝั่งเพลย์เยอร์ กับแบงค์เกอร์ ติดกันไม่เกิน 3 ครั้ง  แต่การสลับผลชนะไปมานั้น อาจจะเป็นรูปแบบเค้าไพ่ปิงปอง สลับคู่  แบบกระดูก หรือแบบไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่เค้าไพ่มังกรที่ชนะติดยาวเกิน 5 ตา
3. ไพ่ลูกคู่ – เค้าไพ่สลับสอง มีความคล้ายครึงกับปิงปองเป็นอย่างมาก แต่จะเป็นการออกไพ่ เบิ้ลชนะ 2 ครั้ง แล้วเปลี่ยนออกมาเป็นอีกฝ่ายชนะสองครั้ง สลับกันไปมา ให้รอจังหวะเบิ้ลสองแล้วแทงสวน เช่น P-P-B-B ตาต่อไปให้แทง P มีลักษณะรูปแบบการอ่านที่ง่าย ชัดเจน และไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับมือใหม่ในการนำไปใช้เล่นและฝึกฝน และมีความแม่นยำค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกันว่า รูปแบบเค้าไพ่ชนิดนี้เป็นลักษณะแบบไหน และสามารถนำไปต่อยอดใช้ในสถานการณ์ใดได้บ้าง
4. ไพ่ 2 ตัวตัด – เป็นอีกหนึ่งเค้าไพ่ที่ออกบ่อยในการเล่น บาคาร่าออนไลน์ สังเกตุง่ายๆ คือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ชนะ2ครั้งติด แล้วจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายตรงข้ามในตาถัดไป รอจังหวะแทงสวน เช่น B-B-P-B-B ตาถัดไปให้แทง P
5. ไพ่ 3 ตัวตัด – ไพ่สามตัวตัด จะเป็นการออกไพ่ในเชิงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาชนะ 3 ครั้งติด และจะเปลี่ยนไพ่ในไม้ที่ 4 การรอจังหวะแทงก็รอให้ครบ 3 ไม้ แล้วเปลี่ยนเป็นแทงฝ่ายตรงข้าม เช่น B-P-P-P ตาถัดไปให้เลือกแทง B
6. ไพ่ตัวติด – จะคล้ายกับไพ่มังกร แต่จะออกไพ่ในลักษณะการชนะติดต่อกันของสองฝ่าย ในปริมาณเท่าๆกัน แต่การวางเดิมพันจะมีแนวทาง คือรอให้ออก 2 ครั้งแต่แทงตาม 1 ครั้ง ดังนี้คือ P-P-P-P-B-B ตาต่อไปให้แทง B
7. ไพ่ตัวหลุด – ในที่นี้จะมองค่อนข้างยาก ให้ท่านสังเกตุว่าเมื่อมีการออกไพ่ P จะออกแค่ 1 ครั้งแล้วเปลี่ยนไพ่ หลักการง่ายๆคือ รอจังหวะมีตัวหลุด แล้วตาถัดไปต้องแทงฝ่ายตรงข้าม เช่น B-B-P-B-B-B-P ตาต่อไปให้แทง B
8. ไพ่ชายโครง – จะเป็นในลักษณะของเค้าไพ่ที่ออกคล้ายๆ กระดูกซี่โครงบนตารางผลไพ่บาคาร่า  เช่น ผลออกฝั่งแดง 4 ตา  และออกสีน้ำเงิน  1 ตา ออกสีแดงอีก 5 ตา  และออกน้ำเงิน, แดง และน้ำเงินติดกัน 5 ตา เป็นต้น
9. ไพ่แบงค์เกอร์ – เป็นเค้าไพ่ที่เราสามารถสังเกตได้ไม่ยาก เพราะโอกาสที่ไพ่ฝั่งแบงค์เกอร์ชนะทุกครั้ง หรือบ่อยกว่าฝั่งเพลย์เยอร์ มีความเป็นไปได้จริงตามสัดส่วนจากการทดลองมาแล้ว ก็พบว่ามีโอกาสชนะ 45.8597% มากกว่าทางฝั่งเพลย์เยอร์ 44.6247%